ขับรถเที่ยว บนถนนสาย
Great Ocean Road เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
รีวิวนี้ขอนอกเรื่อง ไม่ได้รีวิวเกี่ยวกับญี่ปุ่น เพราะฉะนั้นจะขอใช้แฮชแท็กว่า
#JapanPlanBOutSideJapan
#เจแปนแผนสองนอกญี่ปุ่น
แล้วกันนะคะ
เนื่องจากโปรตั๋วญี่ปุ่นยังไม่มา เลยได้เปลี่ยนไปเที่ยวประเทศอื่นบ้าง นั่นก็คือเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้คือการไปชมธรรมชาติ บนถนนสาย Great Ocean Road ถนนเลียบชายฝั่งมหาสมุทร ที่ว่ากันว่าสวยที่สุดเส้นนึงในโลก
ทุกคนคงจะเคยเห็นภาพเสาหินแท่งๆที่อยู่ในทะเลใช่ไหมคะ ที่นี่แหละเป้าหมายของเราค่ะ เสาหิน 12 แท่งหรือที่เรียกว่า Twelve Apostles ซึ่งปัจจุบันเหลือไม่ถึง 12 แท่งแล้ว เนื่องจากถูกน้ำทะเลและลมทะเลกัดกร่อนในทุกๆวัน
Twelve Apostles
วิวอีกฝั่งของ Twelve Apostles
1. ซื้อ One day trip จากตัวเมืองเมลเบิร์นค่าทัวร์ราคาประมาณ 120-140 เหรียญออสเตรเลียต่อคน แล้วแต่เจ้า ออกเดินทางตอนเช้าถึงที่เที่ยวช่วงบ่ายและเดินทางกลับในตอนเย็น ใช้เวลาทั้งวันแน่นอน
2.เช่ารถขับ แวะเรื่อยๆตามรายทาง จะเช่าขับแบบ one day trip ก็ได้ แต่ระยะเวลาที่แนะนำคือ 2 วัน 1 คืน หรือ 3 วัน 2 คืน จะดีกว่า
โดยเราเลือกวิธีที่ 2 ค่ะ เช่ารถจากสนามบินเมลเบิร์น แล้วขับไปตามถนนสาย M1 ออกจากเมลเบิร์น เข้าสู่เมือง Geelong และเข้าสู่ถนนสาย B 100 ซึ่งเป็นเส้นทางเริ่มต้นของถนนสาย Great ocean road ที่เมือง Torquay แวะเที่ยวตามจุดต่างๆก่อนจะแวะค้างคืนที่เมือง Apollo bay และ Port Campbell จากนั้นขับต่อไปถึงเมือง Warrnambool แล้วกลับเข้า Melbourne เพื่อมาคืนรถ
สำหรับรีวิวนี้ เราจะขอเล่าใน 3 หัวข้อใหญ่ๆ คือ
1.การเช่ารถและการซื้อประกันอุบัติเหตุ
2.เส้นทางการขับรถ และจุดพักที่ควรแวะระหว่างทาง
3.แนะนำที่พักแบบ Motor Inn สำหรับการพักค้างคืน
1.การเช่ารถทํายังไง?
การเช่ารถขับสามารถทำได้ไม่ยากเลยเพราะ1.ประเทศออสเตรเลียขับรถพวงมาลัยด้านขวา เหมือนเมืองไทย
2.ใบขับขี่ของไทย สามารถใช้เช่ารถขับได้เลย ไม่จำเป็นต้องมีใบขับขี่สากล ขอแค่มีชื่อภาษาอังกฤษและบัตรยังไม่หมดอายุ ก็ใช้ได้แล้ว
3.การขับรถออกนอกเมือง มีรถสวนไม่มาก และมีป้ายจำกัดความเร็วชัดเจน แค่ขับตามความเร็วที่กำหนดและเคารพกฎจราจร เพียงเท่านี้ก็ปลอดภัยไร้ปัญหาค่ะ
ก่อนอื่นเลยเราต้องเลือกรถที่ต้องการก่อน โดยสามารถเปรียบเทียบราคาและประเภทของรถ ได้จากเว็บไซต์ เช่น rentalcars.com หรือ vroomvroomvroom โดยเว็บไซต์เหล่านี้จะรวบรวมราคารถของทุกบริษัทมาให้เราเลือกสรร
เมื่อได้รถตามที่ต้องการแล้ว ก็เข้าเว็บไปจองกับบริษัทนั้นโดยตรง หรือจะจองผ่านเว็บไซต์ของเอเจ้น เช่น สองอันที่กล่าวมาด้านบนเลยก็ได้ แล้วแต่สะดวกค่ะ ก่อนจะตัดสินใจเลือกเช่าจากบริษัทใดบริษัทหนึ่งนั้น แนะนำให้อ่านและดู Customer Review ของแต่ละบริษัทดูก่อน ว่ามีคะแนนโอเคหรือไม่ และก็เลือกอันที่เราพอใจ รีวิวของบริษัทที่ค่อนข้างดี แนะนำให้ได้อย่างน้อย 8 คะแนนขึ้นไปจากคะแนนเต็ม 10 ก็ถือว่าโอเคแล้วค่ะ
บริษัทรถเช่า จะมีทั้งแบบที่มีเคาน์เตอร์ในสนามบินและบริษัทตั้งอยู่นอกสนามบิน ซึ่งถ้าเราเช่ารถจากบริษัทที่อยู่ "นอก" สนามบินจะมีราคาถูกกว่า
ครั้งนี้เราเลือกรถของบริษัท Alpha Car hire ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่นอกสนามบินเมลเบิร์น แต่มีบริการ Free Shuttle Bus มารับ-ส่งที่สนามบิน จองล่วงหน้าออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของ บ. เช่าโดยตรง และไปชำระเงินในวันรับรถเลย
รถที่เลือกเป็นแบบ Family SUV ได้รถ Nissan X Trail ค่าเช่ารถอยู่ที่วันละ 39 เหรียญดอลลาร์ออสเตรเลีย กว้างขวาง นั่งสบายใส่กระเป๋าได้พอดี 4 ใบ (2 ใบใหญ่และ 2 ใบเล็ก)
หน้าตา Free Shuttle Bus ที่ บ. รถเช่าส่งมารับ
Nissan X Trail ที่เช่าขับประจำทริปนี้
ด้านหลังกว้าง จุกระเป๋าเดินทางได้ 4 ใบ ตอนแรกกลัวจะไม่พอ เลยเอาใบเล็กมาสองใบ
แต่ถ้าตะแคงๆ น่าจะได้ทั้ง 4 ใบอยู่
ส่วนขั้นตอนนอกเหนือจากนั้นก็ไม่ต่างจากขั้นตอนการเช่ารถที่เมืองไทยค่ะ เช่น รับรถและคืนรถตามเวลา , มีการเช็คสภาพรถก่อนรับมอบ ว่ามีรอยขีดข่วนตรงไหนบ้าง, ตอนคืนต้องเติมน้ำมันให้เต็มถัง , หากรถไม่เสียหาย วงเงินบัตรเครดิตที่กันไว้ก็จะได้คืน , คืนกุญแจให้ก็เป็นอันจบ
การซื้อประกันอุบัติเหตุ
อีกเรื่องที่ต้องพิจารณาเมื่อเช่ารถก็คือ การซื้อประกันอุบัติเหตุ ปกติแล้วเวลาเช่ารถ บ. รถเช่าจะเสนอให้ซื้อประกันอุบัติเหตุด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรมีค่ะ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดจะได้มีประกันไว้ให้อุ่นใจแต่ไม่ต้องใช้เป็นดีที่สุดเราเองก็ไม่ได้ซื้อประกันจากบริษัทเช่ารถ แต่ไปซื้อเองผ่านเว็บไซต์ tripcover.com.au (เห็นมาจากรีวิวเช่ารถขับเที่ยวออสเตรเลียแล้วเขาบอกว่า ซื้อแยกถูกกว่า ซึ่งก็เป็นจริงดังว่า)
ราคาประกัน Plan A Policy Excess down to zeo อยู่ที่วันละ 13.87 AUD เท่านั้น (ประมาณ 320 บาท) คุ้มครองมากสุดที่วงเงิน 4,000 AUD ซึ่งก็เพียงพอแล้ว เพราะหากมีเหตุที่ต้องจ่ายจริง บ.เช่ารถ (อ้างอิงจาก บ.ที่เช่า) จะเรียกเก็บขั้นสูงสุดที่ 3,300 AUD
กดซื้อออนไลน์ได้เลย และตัดเงินผ่านบัตรเครดิต และก็พิมพ์เอกสารออกมา เท่านี้เป็นอันจบ
เมื่อรถพร้อม ประกันพร้อม เราก็ออกเดินทางได้เลยค่ะ
2.เส้นทางการขับรถ และจุดพักที่ควรแวะระหว่างทาง
มาถึงตอนนี้ น่าจะพร้อมออกเดินทาง บนเส้นทาง 243 กิโลเมตร บนถนนสาย B100 Great Ocean Road กันแล้วใช่ไหมคะ ไปกันเลย
ออกจากสนามบินก็ขับไปตาม M1 เข้าสู่ Geelong
พอผ่าน Geelong ก็จะเริ่มเข้าสู่ B100 เริ่มต้นที่เมือง Torquay
เส้นทางขับรถวันที่ 1 Melbourne Airport - Apollo Bay ระยะทาง 194 กิโลเมตร
Melbourne Airport ขับไปตามถนน M1 1.Geelong
-Cunningham Pier
-Geleong City Center
เข้าสู่สาย B100 ที่เมืองนี้ * จุดเริ่มต้นของ Great Ocean Road *
2.Torquay
-Point Danger Marine Santuary
-Bell Beach
3. Anglesea สามารถแวะกินข้าว หรือซื้อเสบียงได้
4. Aireys Inlets
-Split Point Lookout
-Castle Rock
-Spilt Point Light House
-Fairhaven Beach (ผ่านชมวิว)
-Memorial Arch at Eastern View (ซุ้มประตูโค้งที่้ต้องแวะแชะภาพเป็นที่ระลึก )
5.Lorne
-Teddy's Lookout
6.Kennett River
-แวะชม Koala ในป่าที่ Forest Edge
7. Apollo Bay พักค้าง 1 คืน
-ในเมืองมี Supermarket ชื่อ Foodworks
Cunningham Pier ที่ Geelong
Point Danger Marine Santuary
Bell Beach หาดเล่นเซิร์ฟชื่อดังแห่งเมือง Torquay
Anglesea
Split Point Lookout
Memorial Arch at Eastern View
Forest Edge ไปส่องหมีโคอาล่าป่า
Split Point Lighthouse
เส้นทางขับรถวันที่ 2 Apollo Bay - Port Campbell ระยะทาง 130 กิโลเมตร
1.Apollo Bay
-Great Ocean Walk
-Cape Otway Lighthouse Station (เสียค่าเข้าชม)
2. Princetown
- Princetown Wetlands Boardwalk
3. Port Campbell
-Gibson Steps
-Twelve Apostles
-The Razorback
-Tom and Eva Lookouts
-Loch Ard Gorge
-Mutton Bird Lookout
- Golden Arch
-London Bridge
-The Grotto
4.พักค้างคืนในตัวเมือง Port Campbell
![]() |
Great Ocean Walk |
Princetown Wetlands Boardwalk |
![]() |
Gibson Steps |
![]() |
Gibson Steps |
Gibson Steps |
Twelve Apostles |
![]() |
Twelve Apostles |
อยากจะวิวจากมุมสูงก็ได้ นั่งเฮลิคอปเตอร์เลย |
The Razorback |
Tom and Eva Lookout |
Loch Ard Gorge |
Loch Ard Gorge |
![]() |
Golden Arch |
![]() |
London Bridge |
เส้นทางขับรถวันที่ 3 Port Campbell - Warrnambool - Melbourne ระยะทาง 330 กิโลเมตร
1.Port Campbell
-ออกจากที่พัก
2.Peterborough
-Bay of Martyrs
-Bay of Islands
3.Warrnambool
-Logan Beach
-Whale Watching Platform
**ถ้าไปถูกฤดูกาลจะเห็นวาฬแห่ง Southern Right Whale ในมหาสมุทร**
แต่ถึงไม่เจอวาฬ ที่นี่ก็ควรค่าแก่การไปอย่างยิ่ง วิวมหาสมุทร 180 องศา สุดลูกหูลูกตามากๆ
![]() |
Logan Beach |
Whale Watching Platform |
4. กลับ Melbourne ผ่านเส้นทาง inland คือตัดผ่านเข้ากลางแผ่นดิน ไม่เลียบชายฝั่งมหาสมุทรแล้ว เพื่อไปคืนรถ เป็นอันจบทริป
จาก Warrnambool – เลือกกลับผ่าน สาย C164 ไปทางเมือง Cressy - Melbourne ใช้เวลา 3.51 ชั่วโมง หรือ จาก Warrnambool - เลือกกลับผ่าน สาย A1 ผ่านเมือง Colac - Melbourne ใช้เวลา 4 ชั่วโมง
เวลาไม่ต่างกันมาก แต่ตอนนั้นเราเลือกเส้น Cressy สาย C164 ป้ายบอกว่าเป็น Old Geelong Road ขับไปสองข้างทางร้างมาก ไม่มีอะไรเลยนอกจากทุ่งหญ้า ขับตรงยาวเกือบ 40 กิโลเมตรได้ นานน๊านนนน จะเจอบ้านคนทีหนึ่ง ดังนั้นจึงแนะนำให้กลับเส้น Colac สาย A1 ดีกว่าค่ะ
และในการเดินทาง Road Trip บนถนนสายยาวเช่นนี้ หากขับรถแบบม้วนเดียวจบก็คงจะทรหดเกินไป เพื่อที่เราจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบตัวอย่างเต็มที่ชอบจุดไหนก็แวะจุดนั้นนานหน่อย ขับรถกินลมชมวิวไปเรื่อยๆ ดังนั้นการพักค้างแรมจึงต้องเป็นสิ่งที่มาควบคู่กับ Road Trip อย่างแน่นอน เพื่อจะได้พักทั้งรถและพักทั้งคนค่ะ
3.แนะนำที่พักแบบ Motor Inn สำหรับการพักค้างคืน
โรงแรมส่วนมากบนถนนสาย Great Ocean Road จะเป็นโรงแรมแบบ Motor Inn โรงแรมจะมีลักษณะเหมือนบ้านพักตากอากาศ มีที่จอดรถด้านหน้า เปิดประตูเจอห้องพักเลย ภายในห้องพักก็จะมีทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัว แยกเป็นสัดส่วน การได้บ้านทั้งหลังแบบนี้ เหมาะสำหรับการเข้าพักเป็นกลุ่มหรือเป็นครอบครัวใหญ่ก็ย่อมได้
โรงแรมแบบ Motor Inn มีสิ่งของเครื่องใช้ให้ครบครันทั้งสบู่ แชมพู และผ้าเช็ดตัว แต่จะไม่มีบริการอาหารเช้า ดังนั้น ครัว พร้อมด้วยอุปกรณ์ทำครัว ไมโครเวฟ กาต้มน้ำร้อน ชุดจานชาม และอุปกรณ์ล้างจาน จึงถูกจัดไว้ทดแทนอย่างดีค่ะ
ในเมืองเล็กๆเช่นนี้จะมีซุปเปอร์มาร์เก็ตใจกลางเมืองอยู่ซักแห่งหรือ 2 แห่งเป็นอย่างมาก เราสามารถไปซื้ออาหารสดง่ายๆ เช่น ไข่ นม บะหมี่ ทำกินกันเองอย่างง่ายๆได้ เป็นการประหยัดค่าอาหารและได้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบนึง
แผนกต้อนรับของโรงแรม จะไม่ได้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง เท่าที่สังเกตโดยส่วนมาก แผนกต้อนรับจะปิดในเวลา 19:00 (อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาล) ดังนั้นหากใครที่เที่ยวแวะรายทางเพลินและเข้าที่พักดึก อาจจะต้องมีการนัดแนะหรือแจ้งกับผู้ดูแลที่พักก่อน เพื่อที่จะจัดการเรื่องเช็คอินให้เรียบร้อย
กลับกันในตอน check out ไม่ต้องสนใจเวลาปิด-เปิด เพียงแค่นำกุญแจห้องไปหย่อนคืนไว้ในตู้ที่จัดไว้ก็เท่านั้น เป็นอันจบ
ที่พักในคืนแรกของเราอยู่ที่เมือง Apollo bay ชื่อ Waterfront Motor Inn Apollo Bay
Waterfront Motor Inn Apollo Bay
ระเบียงหน้าบ้าน
ห้องรับแขก
ห้องนอน
ห้องครัว
อุปกรณ์ครบ
แก้ว ถ้วย ชาม
Southern Ocean Motor Inn
Southern Ocean Motor Inn
ห้องนอน
โซฟานั่งเล่น
ห้องน้ำ
ห้องนอนใหญ่ พร้อมแดดอุ่นๆ
ทั้ง 2 โรงแรมดีมาก สะอาด น่าพัก ราคาเป็นมิตร ทำเลอยู่ใจกลางเมืองเลย และทั้งสองเมืองก็เป็นเมืองเล็กๆที่มีร้านอาหารและ supermarket อยู่ในระยะที่เดินถึง ตกดึกก็เงียบสงบ ตอนเช้าก็สามารถมาเดินชมวิวชายทะเลได้
เป็นการค้างคืนที่ประทับใจมากทั้งสองที่ หากใครมีโอกาสได้ขับรถเที่ยวในเส้นทางนี้ แนะนำให้ลองพักโรงแรมแบบมอเตอร์อินดูค่ะ แล้วคุณจะได้บรรยากาศของการค้างแรมในอีกรูปแบบหนึ่งที่ดีและน่าประทับใจมากๆค่ะ
ปิดการเดินทาง 3 วัน 2 คืน บนถนนสาย Great Ocean Road ด้วยความประทับใจ
ค่าเช่ารถ 3 วัน + ค่า GPS (ที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะ ขับตาม Google Map ได้เลย ) + ค่าน้ำมันรถ + ประกันอุบัติเหตุจาก trip Cover สิริรวมอยู่ที่ 278 AUD
( *22.35 ประมาณ 6,300 บาท สำหรับ 4 คน) เฉลี่ยแล้วตกคนละ 1,600 บาท เท่านั้นเองค่ะ
คุ้ม สมใจอยาก เพราะอาจจะเป็นทริปที่ไปได้ครั้งเดียว
แต่เก็บเกี่ยวความประทับใจมาอย่างเต็มอิ่มตลอด 3 วัน 2 คืนแล้ว
ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนถึงตรงนี้ค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวต่อไปค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในรีวิวต่อไปค่ะ
Comments
Post a Comment